วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
นครปฐม พระราชวังสนามจันทร์
เพชรบุรี วัดกำแพงแลง
เพชรบุรี ถ้ำเขาหลวง
หาดปึกเตียน เพชรบุรี
หาดปึกเตียน อยู่ในท้องที่ตำบลปึกเตียน ห่างจากหาดเจ้าสำราญไปทางใต้ประมาณ 7 กิโลเมตร หรือสามารถเดินทางไปทางถนนเพชรเกษมถึงอำเภอท่ายางแล้วเลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกคลองชลประทานสาย 2 ไปตามถนนนี้ประมาณ 15 กิโลเมตร บริเวณหาดปึกเตียนเป็นหาดทรายขาว สะอาด เหนือหาดมีลำคลองปึกเตียนไหลผ่าน
การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ขับมุ่งตรงสู่ จ.เพชรบุรี โดย ใช้ถนนเพชรเกษม ( ทางหลวงหมายเลข 4 ) ผ่าน จ.นครปฐม จ.ราชบุรี โดยท่านสามารถวิ่งเข้าตัวเมืองเพชรบุรีได้เลยครับ เพชรบุรี จากนั้นเขาตรงมาเพื่อมุ่งหน้าไปหาดเจ้าสำราญ ซึ่งท่านจะต้องผ่าน ม.ราชภัฏเพชรบุรี จากนั้นก่อนถึงหาดเจ้าสำราญประมาณ 2 กม. จะมีป้ายบอกไปแยกทางขวามือของท่านนะครับ (ท่านต้งอกำลังมุ่งหน้าสู่หาดเจ้าสำราญ) จะมีป้ายบอกหาดปึกเตียน ท่านขับไปอีกประมาณไม่ถึง 10 กม. จะมีป้ายบอกไปหาดปึกเตียนให้ท่านเลี้ยวซ้ายไปได้เลยครับเข้าไปอีกไม่ไกลก็จะถึงหาดปึก
นครปฐม อนุสาวรีย์ย่าเหล
สุพรรณบุรี ตลาดสามชุก ตลาด 100ปี
ตลาด 100 ปี
ถึงนามสามชุกถ้า ป่าดง
เกรียงไร่ได้พ่ายลง แลกล้ำ
เรือค้าเท่านั้นคง คอยเกรียงเรียงเอย
รายจอดทอดท่าน้ำ นับฝ้ายขายของ
( จากโครงนิราศสุพรรณ ของสุนทรภู่ )
จากคำประพันธ์ที่ยกมานี้ แสดงว่าสามชุกนั้นมีมาก่อน พ.ศ. 2379 กว่า 100 ปีที่ผ่านมา ตลาดสามชุกคือ จุดแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างชาวเรือและพวกชาวกะเหรี่ยง ลาว ละว้า ที่อาศัยอยู่แถบตะวันตกของแม่น้ำท่าจีน สินค้าที่นำมาแลกเปลี่ยนจากชาวเรือ เช่น เกลือ ปูน ส่วนชาวบ้านก็จะนำพืชผลจากป่า เช่น ข้าว ฝ้าย แร่ ไม้ฝาง หนังสัตว์ ชันช่อ น้ำมันยาง สมุนไพร ฯลฯ จุดแลกเปลี่ยนนั้นอยู่ที่บ้านท่ายางบนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำท่าจีน ตรงข้ามวัดสามชุก ต่อมามีผู้มาตั้งบ้านเรือนร้านค้าที่บ้านสามเพ็ง ( ตลาดสามชุกปัจจุบัน ) มากขึ้น ๆ จนทำให้จุดแลกเปลี่ยนสินค้าที่บ้านท่ายางต้องเลิกราไป สามเพ็งจึงกลายเป็นตลาดที่มีการซื้อขายสินค้าแทน สามชุก…สีชุก…กระชุก…ความหมายคือภาชนะขนาดใหญ่สานจากไม้ไผ่สำหรับใส่สิ่งของ เช่น ข้าว ฝ้าย เป็นรูป “ ฟักตัด ” ลองนึกถึงรูปฟักผ่าครึ่งแล้วตั้งขึ้น หรือผ่าตามยาวแล้ววางนอนลง วางซ้อนกันบนเกวียน ใช้รถบรรทุกข้าวเปลือกได้ครั้งละ 100 ถัง นี่คืออีกนับหนึ่งของที่มาชื่อสามชุก แต่คำว่า “ สามเพ็ง ” ซึ่งปรากฏในนิราศสุพรรณ ของสุนทรภู่ ซึ่งแต่งในปี พ.ศ. 2379 ปรากฏขึ้นก่อนจะมีตลาดริมน้ำ วึ่งเป็นชุมชนใหญ่แหล่งค้าขายที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วย ข้าว ฝ้าย และถ่าน ชาวจีนเรียกตลาดนี้ว่า “ ซัมเพ็ง ” กว่า 50 ปีที่ตลาดสามชุก เป็นศูนย์รวมของการคมนาคมทางน้ำที่ใหญ่เป็นรองเฉพาะอำเภอเมืองเท่านั้น ประชาชนจากอำเภอสามชุก หนองหญ้าไทร ด่านช้าง จะมาลงเรือ ขึ้นเหนือล่องใต้ จะมีเรือบริษัทสุพรรณขนส่ง จำกัด ( เรือสีเลือดหมู ) และเรือแดงที่วิ่งระยะยาว ขึ้นเหนือไปทางประตูน้ำท่าโบสถ์ จังหวัดชัยนาท และล่องใต้ไปกรุงเทพฯ มีเรือแท็กซี่วิ่งรับส่งคนระยะสั้น ๆ เรือขนส่งสินค้าจะจอดรายเรียงเต็มริมฝั่งท่าน้ำ ถนนเรียบนที คือถนนเรียบแม่น้ำท่าจีนจะมีสินค้าวางขายเต็มไปหมดทั้งที่วางขายในร้านและวางขายริมทางโดยเฉพาะของกินจะมีมากมายตั้งติดต่อกันตลอดแนวถนน ผู้คนจะเดินเบียดเสียดกัน บ้าวก็เดินหาซื้อของใช้ อาหารการกิน บางส่วนเตรียมลงเรือ การค้าขายเจริญรุ่งเรืองมาก แม่ค้าข้าวเหนียว เมื่อถึงฤดูมะม่วงสุกจะนึ่งข้าวเหนียววันละเป็นกระสอบ เศรษฐกิจของตลาดสามชุกดีมาก มีธนาคารถึง 7 แห่งเป็นเครื่องยืนยัน
ตลาดสามชุกในปัจจุบันกว่า 100 ปี การคมนาคมทางน้ำลดน้อยลง ความคึกคักจอแจของตลาดสามชุกก็หายไปด้วย ผู้คนเดินเข้ามาจับจ่ายใช้สอยในตลาดน้อยลง แต่ตลาดสามชุกยังเป็นตลาดไม้ขนาดใหญ่ปลูกมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 มีศิลปะการแกะสลักไม้ที่งดงาม เรียงรายเป็นย่านการค้าที่มีความงดงาม และมีคุณค่าทางสถาปัตยกรรม และยังคงทำหน้าที่เป็นตลาดอย่างสมบูรณ์ให้กับชุมชน แม้จะต้องเผชิญกับปัญหาความทรุดโทรมทางกายภาพไปตามกาลเวลา เมื่อเกิดคณะกรรมการตลาดเชิงอนุรักษ์ขึ้นและได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิชุมชนไท ตลาดสามชุกได้รับการพัฒนา ในด้านความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของการจัดวางสินค้า จัดกิจกรรมต่าง ๆ โดยให้ประชาชนเป็นส่วนร่วมตลาดสามชุกถูกฟื้นฟู ให้เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ เป็นแบบย่างการพัฒนาที่มาจากฐานราก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้านอนุรักษ์ของเก่า มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่งดงามรวมทั้งวิถีชีวิตพื้นบ้าน มีทั้งกลุ่ม / องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น องค์กรชุมชนจากต่างประเทศ ผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ นักเขียนวารสารเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและการอนุรักษ์ของเก่า และนักศึกษาด้านการพัฒนาจากมหาวิทยาลัยด้านต่าง ๆ ได้มาศึกษาดูงานกันอย่างต่อเนื่อง สร้างความรู้สึกภูมิใจในสักยภาพ และภูมิปัญญาท้องถิ่นให้กับคณะกรรมการและประชาชนชาวสามชุกเป็นอย่างมาก สามชุกเป็นตลาด 100 ปีที่มีคุณค่ามีชีวิตชีวา เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ของเยาวชนและคนทั่วไป ชาวสามชุกภูมิใจและจะรักษาไว้ให้นานเท่านานเพื่อตอบแทนสนองพระคุณของบรรพบุรุษที่เป็นรากเหง้าของชาวสามชุก
ข้าวห่อใบบัว " ร้านพี่หรั่ง "
ข้าวห่อใบบัวสูตรดั้งเดิม ปัจจุบันหาทานได้ยากเต็มที คัดสรรข้าวหอมมะลิอย่างพิถีพิถัน พร้อมเครื่องปรุงสูตรดั้งเดิม ร้านนี้อยู่บริเวณ ตลาดถนนเลียบนที อยู่หลังร้านบะหมี่เจ๊กอ้าว ข้าวห่อใบบัว ขายเฉพาะวันอาทิตย์ วันธรรมดา จะขายข้างแกงและอาหารตามสั่ง
“ หยอง ” ทำกระดุมด้วยมือ
ร้านหยองตั้งอยู่เลขที่ 217 หมู่ 2 ซอย 8
ป้าหยองหรือสิริ สรรพคุณานนท์ ( แซ่คู ) อายุ 55 ปี เรียนจบช่างตัดเสื้อผ้า เปิดร้านตัดเสื้อและทำกระดุมมานานพอสมควร ในร้านยังมีจักรเย็บผ้ารุ่นเก่าใช้งานได้อยู่ ในสมัยก่อนกระดุมสำเร็จรูปไม่มี ต้องสั่งทำ คนจึงนิยมทำกระดุมมาก เพราะต้องใช้กระดุมที่เข้ากับชุดได้ เป็นกระดุมที่ลูกคาอยากให้เหมือนกับตัวผ้า ถือเป็นของแพงอีกด้วย และเหตุเพราะร้านทำกระดุมหายาก อาศัยบอกกันปากต่อปาก คนจากต่างถิ่นจึงมาที่ตลาดสามชุก ต่อมาก็รับทำกรอบพระ เลี่ยมทอง เอาข้าวสารมาขายด้วยความที่เป็นคนเก็บของใช้ที่มีความประทับใจ ภายในร้านหยองจึงมีตู้สะสมของเก่าเก็บไว้โชว์หน้าร้านเป็นของที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน และของรักของหวงก็คือ กล้องถ่ายรูปจิ๋วและซออู้ ป้าหยองเป็นคนที่ชอบเล่นดนตรี ยามว่างจากการตัดเย็บสามารถเล่นกีตาร์คลาสสิก
กล้องถ่ายรูปจิ๋วขนาดเล็กมาก กว้าง 4.5 ยาว 6.5 เซนติเมตร ใช้ฟิล์มขนาด 16 มิลลิเมตร ซื้อจากร้านศึกษาธิการตลาดซอย 1 สมัยยังเป็นเด็กนักเรียน กล้องราคาร้อยกว่าบาท ซออู้ อายุประมาณ 30 กว่าปีมาแล้ว เพื่อนของป้าหยองนำมะพร้าวซอมาให้ จึงนำไปให้ช่างแกะสลักและทำซอ เป็นกะลาซอตัวผู้ขนาดค่อนข้างใหญาและกรมแป้น ใช้ทำเป็นกะลาซออู้หรือซอสามสาย โดยขูดจนผิวเป็นมันหรือแกะสลักเป็นลวดลายเพื่อความสวยงาม มีคันซอสวมอยู่บนกะลา ด้านหน้าหรือปากกะลาขึงด้วยหนังวัวหรือหนังควาย กะลาซอบางทีเรียกกะโหลกซอ
คูเซ่งฮวด
“ คูเซ่งฮวด ” หรือร้านนายไผ่ เลขที่ 242 หมู่ 2 ซอย 3
เป็นร้านขายของใช้และสินค้าไทย ๆ คูหาตรงข้ามเรียกร้านนายไผ่ ขายพวกถ้วยชาม เครื่องใช้ในครัว ตะเกียงทำด้วยกระป๋องนม ตะเกียงโป๊ะ บัวรดน้ำ โหลแก้วใส่ของขายของมานานหลายสิบปีแล้ว
เจ้าของร้านคือ คุณลุงสุวรรณ คูหาพัฒนกุล อายุ 65 ปี เล่าว่าร้านนี้เปิดตั้งแต่สมัยเตี่ยซึ่งเป็นคนจีน ขายข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ เครื่งครัวและอุปกรณ์การเกษตรยังเก็บตะเกียงลาน เตารีดถ่าน รถเข็นไม้ซึ่งเป็นของใช้ในบ้านอยู่ และยังเก็บขวดนมเด็กสมัยก่อนทำจากแก้วเอาไว้อีกด้วย
ร้านกาแฟท่าเรือส่ง
( ศิวะนันต์พานิช ) เลขที่ 1 ซอย 1
ร้านกาแฟท่าเรือส่ง เจ๊ชั่ง ศิวะนันต์วงษ์ อายุ 67 ปี และเจ๊ม่วยเล็ก ศิวะนันต์วงษ์ อายุ 51 ปี เดิมมีร้านกาแฟอยู่ที่ท่าเรือส่งแต่ขายดี ต่อมาเมื่อการคมนาคมทางเรือเลิกไป จึงมาเปิดขายที่ร้ายของน้องชายคนที่ 3 เปิดร้านก่อสร้างชื่อศิวะนันต์พานิช ร้านนี้เปิดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2508 ขายตั้งแต่ราคาสามสตางค์ ห้าสตางค์ ตอนนี้ราคา 7-10 บาท ร้านเปิดตั้งแต่ 7 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น วันหนึ่ง ๆ เปลี่ยนคนชงสามกะผลัดกันดูแลร้าน เจ๊ชั่งถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการชงกาแฟมีความคล่องแคล่วมาก ร้านนี้เป็นสถานที่พบปะแลกเปลี่ยนพูดคุยของชาวตลาดก็ว่าได้
ร้านนี้พลาดไม่ได้ กาแฟสูตรโบราณ โอเลี้ยง ชาเย็น อร่อยทั้งนั้น ข้อสำคัญร้านนี้คั่วกาแฟเอง สูตรลับเฉพาะคั่วกันเห็นๆบริเวณริมน้ำ บรรยากาศภายในร้าน ท่านจะได้ชมสภากาแฟตัวจริงและวิถีชีวิตชาวตลาดได้เต็มอิ่ม เปิดขายกันตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงเย็น
บ้านขุนจำนงจีนารักษ์
ขุนจำนงจีนารักษ์ นามเดิมว่า หุย แซ่เฮง เป็นคนจีนเกิดในประเทศไทย ใกล้วัดโพธิ์คอย อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ประกอบอาชีพค้าขาย มีโรงเหล้าและโรงยาฝิ่น เมื่อเยาว์วัยศึกษาเล่าเรียนที่ประเทศจีน กลับเมืองไทยเมื่ออายุ 20 กว่าปี ต่อมาได้สมรสกับคุณกุ้นเอง แซ่เจ็ง เป็นคน อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี มีบุตรธิดา 3 คน ต่อมาได้เช่าที่ราชพัสดุปลูกบ้าน 3 ชั้นใน พ.ศ. 2459 กิจการค้าขายของท่านเจริญรุ่งเรืองไปถึง 6 อำเภอ ท่านจึงเป็นที่รุ้จักของบุคคลทั่วไป ประกอบกับท่านเป็นคนดี มีเมตตาช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก จึงได้เป็นผู้นำชุมชน คุณงามความดีของท่าน ทำให้ท่านได้รับบรรดาศักดิ์ เป็น ขุนจำนงจีนารักษ์ ตำแหน่งกรรมการพิเศษ จ.สุพรรณบุรี นายอากรสุรา - ฝิ่นศักดินา 400 ไร่ จากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 8 พฤษจิกายน พ.ศ. 2474 เมื่อรัฐบาลประกาศยกเลิกการสูบฝิ่น ท่านจึงหันมาทำสวนทำไร่ และเสียชีวิตเมื่อ พ.ศ. 2517 รวมอายุได้ 83 บ้านของท่านในส่วนของคุณเคียวยี้ ซึ่งเป็นบุตรสาวของนายโต้วซ้ง จีนารักษ์ อนุญาตให้กรรมการพัฒนาตลาดสามชุก ปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์โดยใช้ชื่อ “ พิพิธภัณฑ์บ้านขุนจำนงจีนารักษ์ ” ซึ่งใช้เป็นสถานที่เก็บของโบราณ สำหรับผู้สนใจเข้าชมเพื่อศึกษาหาความรู้มาจนถึงปัจจุบันนี้
พิพิธภัณฑ์ตลาดมีชีวิตหรือบ้านพูดได้ นับเป็นสิ่งที่สำคัญมากแห่งหนึ่งต้องใช้ผู้มีความรู้ความสามารถ ใช้เวลาและความร่วมมือของชาวตลาด นอกจากนั้นยังต้องศึกษาดูงาน การจัดการพิพิธภัณฑ์ตามที่ต่าง ๆ เพื่อจะได้มีความรู้ในการศึกษาของเก่า การบริหารจัดการ การนำเสนอและการวางแผนด้านบริการ การทำ “ บ้านพูดได้ ” เป็นการให้บ้านแต่ละหลังบอกเล่าประวัติเรื่องราวชีวิตของผู้ที่เคยอยู่อาศัยในบ้านผ่านรูปภาพ ข้าวของเครื่องใช้ และของดีที่เจ้าของภูมิใจ คณะกรรมการพัฒนาตลาดสามชุกได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวตลาดได้ทราบถึงเป้าหมายของโครงการ ในช่วงแรกได้บ้านที่ยินดีเข้าร่วมโครงการจำนวน 22 หลัง โดยตั้งอยู่ในซอยต่าง ๆ ตลาดป้าจู และคณะกรรมการจะนำป้ายบรรยายของแต่ละบ้าน ไปติดแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน สำหรับพิพิธภัณฑ์บ้านขุนจำนงนั้น ต้องพิถีพิถันกันมากในการปรับปรุง โดยจัดหาช่างพื้นบ้านที่มีความชำนาญ ขอคำแนะนำจากอาจารย์สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตสุพรรณบุรี สถาปนิกชุมชน โดยการสนับสนุนมูลนิธิชุมชนไท และผู้เชี่ยวชาญด้านพิพิธภัณฑ์ของหน่อยศิลปากรประจำจังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการจากมูลนิธิชุมชนไท คอยช่วยประสานงานคณะกรรมการทุกฝ่ายร่วมมือร่วมใจกันอย่างเต็มความรู้ ความสามารถ พิพิธภัณฑ์บ้านขุนจำนงเป็นอาคาร 3 ชั้น
ชั้นที่ 1 แสดงความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสามชุก
ชั้นที่ 2 แสดงเรื่องราวของครอบครัว ขุนจำนง จีนารักษ์
ชั้นที่ 3 จัดเป็นที่ประชุมสัมนา จัดนิทรรศการหมุนเวียนตามความเหมาะสม การทำบ้าน
การทำบ้านพูดได้เป็นการปัดฝุ่นของเก่าที่ถูกซุกซ่อนอยู่ตามหลืบซอกของบ้านต่าง ๆ ในตลาด เป็นการปลูกจิตวิญญาณตลาดผ่านบ้านแต่ละหลังให้ผู้คนในบ้านรู้สึกถึงความสืบเนื่องกับอดีตและความรู้สึกกับอดีต และความรู้สึกภาคภูมิใจในบรรพบุรุษครอบครัวและชุมชนของตน
จาก http://www.pantown.com/group.php?display=content&id=18996&name=content1&area=3
วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
จดหมายลากิจของนัทเองค่ะ
วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
แพงจัง ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น ที่นี่
สัตว์เลี้ยงใหม่ของนัทและปอนด์
วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
วันนี้นัทเป็นลมที่โรงเรียนด้วย
สืบเนื่องจากเมื่อวาน เล่นปิงปองกับปังปอนด์และปะป้า จนดึก แล้วนอนดึกด้วย
วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
วันนี้เพื่อนนัทมาถล่มบ้านค่ะ
วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552
5555
5555ตอนนั้นหลังจากเมื่อยมือในการเขียนรายงาน
ได้เปิดเรื่อง ผ สระ ี ในเว็บพันทิป
รู้ไหมเกิดอะไร
จะบอกให้ว่า
..........
.........
........
.......
......
.....
...
..
.
!!!
อยู่ๆ!!!หน้าจอก็เลื่อนขึ้นๆลงๆ
น่ากลัวตั้ง2ครั้ง
ครั้งแรกไม่คิดอะไรนึกว่าปาป๊าแกล้ง
...
..
.
คิดไปคิดมาได้ยินเสียงปิงปองนี่น่า
ปาป๊าเล่นปิงปองอยู่
ไม่มีมือว่าง
แล้วใครแกล้ง(เครื่องแอปเปิลควบคุมจากเครื่องปาป๊าได้)
ข้างบนก็ไม่มีใครอยู่
ไปถามปาป๊า
ปาป๊ามือไม่ว่างอยู่ข้างล่างด้วย
ปอนด์อยู่บ้านป้าแตง
มาม๊าออกไปข้างนอก
ปาป๊าอยู่หน้าบ้าน
5555
ใครขยับเมาส์ข้างบนหว่า(ต้องเข้าโปรแกรมอะไรอีกมากมายถึงจะควบคุมเครื่องข้างล่างได้)
ง่า~
วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2552
น่าเบื่อ...!!!
พวกชอบ โกหก!!!แย่
คนที่โกหกขอให้เป็น...
ถ้าไม่อยากเป็นก็ต้อง
สุดท้ายฝากภาพพวกนี้ด้วย
001 - จะมีไหม ?
เครื่องเกมส์แสนรู้สำหรับผู้ติดเกม ขั้นรุนแรง !!
เหล่า เกมเมอร์วัยเยาว์ หลายต่อหลายคน คงเคยเจออุปสรรค์ขัดขวาง
ในระหว่างที่ ท่านกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ กับ เกมส์สุดโปรดของท่านอยู่
---ตัวอย่างเช่น----
ภาพของเด็กติดเกมส์คนหนึ่ง ที่กำลังจะปราบบอสใหญ่ของเกมส์ได้
แต่กลับถูกขัดจังหวะจาก ท่านบิดา มารดา ที่เป็นห่วงอย่างสุดซึ้ง
ถ้าหากว่า จะมีเครื่องเกมส์ console ตัวใหม่ๆออกมา มันน่าจะมี ระบบรู้ใจแบบนี้บ้างนะ !
[ ระบบเตือนภัย ใกล้ตัว ]
- แจ้งเตือนขึ้นหน้าจอทันที เมื่อได้รับแรงสั่นสะเทือน จากประตูห้องของผู้ปกครอง
- พร้อมแนะนำวิธีการ หลบหลีกปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้น 3 วิธี และทำการปิดจอหยุดเครื่อง อัตโนมัติ
หากมีระบบแบบนี้เหล่าเกมเมอร์ที่อยู่ในสภาวะที่ไม่สะดวกต่อการเล่มเกม คงได้ชื้นใจกันไประดับนึง และ อาจมี reaction ที่คล้ายๆแบบรูปข้างล่างนี้
่
ดังนั้น เพื่อสุขภาพและ ความปลอดภัย ของผู้เล่น ไม่แน่อาจจะมีระบบ แบบนี้ ก็เป็นได้....
ถ้าเครื่องตรวจชีพจรผู้เล่น ผ่านทาง จอยเกม
แล้วพบว่า คนที่ถือจอยอยู่ตอนนี้ กำลัง อ่อนแอมากๆ
จะทำการจัดการ SAVE เกมส์ ให้ เสร็จสรรพ และปล่อยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ(ดังรูป)
ให้ผู้เล่นหลับพักผ่อน อย่างสบาย จะได้ตื่นมาเล่นต่อในตอนเช้าได้อย่างสดใส
น่าจะมีบ้างถูกใจภาพด้านล่างน่าจะเป็นการระเบิดเครื่องเลยหึ หึ
วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2552
วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552
สยอง....ปรสิต!!!
เรื่องของปรสิตที่อาศัยในสิ่งมีชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่ขยะแขยงต่อเรามาช้านาน ถูกสร้างเป็นหนัง การ์ตูนสยองมาก็เยอะ ส่วนเรื่องจริงเกี่ยวกับปรสิตนั้นก็น่ากลัวไม่แพ้ในหนังเลยแถมบางครั้งพวกมันยังทำร้ายหรือใช้ประโยชน์เหยื่อของมันทำตามสิ่งที่มันบงการอย่างน่ากลัว
(หาข้อมูลในเน็ตโดยอริโตเติ้ล ปรสิต ปอตุกีส)
อันดับ 7 พยาธิกินี (The Guinea Worm)
http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/A2923753/A2923753.html
พยาธิกีนีเป็นพยาธิที่พบมาอาฟริกา, อเมริกาใต้ และเอเซีย อินเดีย ปากีฯ ซาอุ เยเมน จัดเป็นพยาธิที่เก่าแก่ที่สุดตัวหนึ่งที่โลกรู้จักมาแต่โบราณ (เห็นได้จากสัญลักษณ์ทางการแพทย์(caduceus) ซึ่งได้มาจากวิธีการใช้กิ่งไม้เกี่ยวม้วนตัวพยาธิเพื่อดึงมันออกจากผิวหนัง)
จากพยาธิตัวร้ายนี้เวลาเป็นตัวอ่อนมันจะอาศัยอยู่ในน้ำ ถ้ามีคนกินน้ำดิบที่มีมันเข้าไป ตัวอ่อนจะไชผ่านผนังลำไส้ออกมาอยู่ที่ขา ซึ่งพยาธิตัวเมียเส้นยาว 70 ถึง 120 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางลำตัวระหว่าง 0.09-0.17 เซนติเมตร พอมันจะวางไข่มันจะทำให้เกิดแผลที่ ขา ข้อเท้า หรือ เท้า ซึ่งจะปวดแสบปวดร้อนมากจนมันมีอีกชื่อว่า fiery serpent ทำให้ผู้ป่วยทนไม่ได้ต้องเอาเท้าไปแช่น้ำ มันก็จะปล่อยไข่ออกมาสู่แหล่งน้ำ วิธีการรักษาที่นิยมคือผ่าเอาออก หรือเมื่อมันโผล่ออกมาจากแผลเปิดให้เอาไม้เล็กๆ พันปลายของมันแล้วค่อยๆม้วนดึงออกมาทีละนิดไม่ให้ขาด อาจใช้เวลาตั้งแต่หลายวัน จนถึงหลายสัปดาห์กว่าจะดึงออกมากหมด(สยองมากๆ)
ในปัจจุบันพยาธินี้หายากมากซึ่งจากการสำรวจพบผู้ป่วยเพียง 1% เท่านั้น
คลิป http://www.youtube.com/watch?v=8FYgQFSrZDE
` อันดับ 6 "Cymothoa exigua"
http://en.wikipedia.org/wiki/Cymothoa_exigua
ถ้าพูดถึงพยาธิ สิ่งมีชีวิตที่พยาธิหรือปรสิตชอบอาศัยที่สุดคือปลา ซึ่งแบบสยดสยองน่าขยะแขยงที่สุดเราขอแนะนำเจ้า Cymothoa exigua
Cymothoa exigua เป็นสัตว์ทะเลเปลือกแข็ง อยู่ในตระกูลที่มีขาเป็นข้อหรือปล้อง (Class crustacea)ศ๋ซฯฒษฏฮษสํญในอ่าวแคลิฟอร์เนียมันจะเข้าในแกะในตัวปลาโดยอาศัยทางเหงือกและชอบแกะลิ้นปลา Rose snapper (Lutjanus guttatus) จากภาพจะเห็นว่า พยาธิตัวนี้ไม่ได้เกาะอยู่เฉยๆนะแต่มันกำลังกินลิ้นและดูดเลือดปลาด้วย และเมื่อมันเติบโตแล้วมันอาจเคลื่อนที่ไปยังส่วนอื่นๆ ในร่างกายปลาเพื่อดูดเลือดเป็นที่พักของชีวิตมันต่อไป
อันดับ 5 horsehair worm
http://www.th.siamensis.org/board/10224.html
ปรสิตทุกชนิดมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเจ้าบ้าน (host) ด้วยวิธีต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสให้วงจรชีวิตสมบูรณ์ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการย้ายจากเจ้าบ้านหนึ่งไปยังอีกเจ้าบ้านหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าตัวมันหรือลูกหลานของมันได้ไปยังสถานที่ที่เหมาะสมหรือเพิ่มการมีชีวิตรอดต่อไป หนึ่งในปรสิตที่โด่งดังหรือมีการศึกษากันมากในวงการปรสิตวิทยาก็คือ พยาธิขนม้า (horsehair worm)
พยาธิขนม้ายังมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Gordian worm ชื่อทั้งสองมาจากลักษณะของมันที่มีลำตัวเล็กยาว และมักจะชอบขดม้วนเป็นเกลียวแน่นคล้ายกับเจ้าพวกพยาธิตัวกลม
พยาธิขนม้านั้นมักจะเข้าไปสิงอยู่ในแมลงกลุ่มตั๊กแตน และจิ้งหรีด (Orthoptera) ขณะที่ยังเด็ก พวกมันยังต้องเข้าไปอาศัยภายในตัวของแมลงอยู่เฉยๆ (เนื่องจากอิทธิฤทธิ์ยังไม่มากพอ) กระทั่งเมื่อโตเต็มที่แล้ว มันก็เริ่มปีกกล้าขาแข็ง ไม่ยอมอยู่ในร่างใคร ออกมาล่องลอยหาอาหาร และผสมพันธุ์สืบทอดลูกหลานต่อไปในแหล่งน้ำเช่น แม่น้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง
วงจรชีวิตของมันเริ่มจากไข่ที่วางไว้ตามวัชพืชข้างแหล่งน้ำ จากนั้นเจ้าบ้าน (host) ก็จะได้รับมันเข้าไป(ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม) ไข่จะเริ่มฟักเป็นตัวอ่อนที่มีขนาดเล็กมาก และขนาดของมันจะเพิ่มเป็นหนอนที่ยาวกว่าเจ้าบ้านถึง 3-4 เท่าเลยทีเดียว เมื่อมันโตเต็มที่แล้ว มันก็จะเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเจ้าบ้านที่แปลกออกไปนั่นคือการค้นหาแหล่งน้ำแล้วกระโดดตู้มลงไป หลังจากเจ้าบ้านจมน้ำตายแล้ว พยาธิตัวเต็มวัยนี้ก็จะค่อยๆ ออกมาแล้วไปหาคู่ครอง และผสมพันธุ์ออกไข่กันต่อไป
คลิป http://www.youtube.com/watch?v=EQ5BN0DEMrw
อันดับ 4 Filarial worm
หนอนพยาธิตัวกลมฟิลาเรีย มีลักษณะคล้ายเส้นด้ายอาศัยอยู่ในระบบน้ำเหลืองของคน โดยมียุงเป็นพาหะนำโรค ส่วนมากพบในเขตร้อนชื้น แถบเมดิเตอร์เรเนียน ในตุรกี และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใน จีน ไต้หวัน เกาหลีใต้ อินเดีย อินโดนีเซีย
พยาธินี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคเท้าช้าง คือ ขา แขน หรืออวัยวะเพศบวมโตผิดปกติ เนื่องจากภาวะอุดตันของท่อน้ำเหลืองโดยจะเกิดการอุดกั้นหลอดน้ำเหลือง น้ำเหลืองเกิดการคั่งและทำให้ลำตัวส่วนล่าง รวมทั้งขาและอวัยวะเพศบวม โดยมีสาเหตุมาจากหนอนพยาธิขนาดเล็ก โดยจะมีเฉพาะหนอนพยาธิตัวเต็มวัยเท่านั้นที่อาศัยในระบบน้ำเหลืองของมนุษย์
อันดับ 5 Sacculina Carcini
http://sites.google.com/site/thaibs/Home/Webboard/zombie-process
Sacculina Carcini เป็นปรสิตพวกหอยเพรียงตระกูลหนึ่ง พบในทะเลทั่วไป โดยมีวงจรชีวิตสองช่วงคือเป็นตัวอ่อนว่ายน้ำได้นานสักสามสี่อาทิตย์ก่อนจะหาเหยื่อเกาะติดถวาร โดยเหยื่อของมันคือปูตัวผู้(เจาะจงด้วยว่าต้องตัวผู้) เมื่อ Sacculina เกาะเหยื่อได้สำเร็จมันจะค่อยกระดืบตามแผ่นเกราะของปูจนถึงส่วนข้อต่อเกราะกับเนื้อซึ่งอาจเป็นขาหรือตามลำตัว ระหว่างนี้ปูโชคร้ายก็พยายามปัดตัวอ่อนปรสิตออกอย่างบ้าคลั่งแต่ยากสำเร็จ
พอเจ้า Sacculina ตัวเมียหาจุดเหมาะเจาะได้มันจะเจาะรูตรงเนื้อแล้วแทรกเข้าไปในตัวปู ไชลึกเข้าไปๆจนถึงส่วนท้อง ไม่ใช่เพื่อกิน...แต่เป็นจุดเริ่มต้นการยึดครองร่าง
Sacculina จะเริ่มเติบโตจนท้องปูตัวผู้บวมเป่งเหมือนกำลังตั้งไข่ ขณะเดียวกันเพรียงร้ายจะแพร่เส้นใยคล้ายด้ายไปทั่วร่างเหยื่อเพื่อดูดซับอาหารผ่านเลือด และปล่อยสารเคมีเปลี่ยนปูให้แปรเป็นซอมบี้อย่างช้าๆ
เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการสร้างผีดิบแล้ว ปูจะมีชีวิตอยู่เพื่อรับใช้ปรสิตเพียงอย่างเดียว มันจะเลิกสนใจผสมพันธุ์กับเพศตรงข้าม กิจวัตรประจำวันเหลือแค่กินและกินเพื่อป้อนพลังงานทั้งหมดให้กับปรสิตจนถึงไม่เหลือสารอาหารพอให้มันเติบโต ลอกคราบ หรือสร้างก้ามใหม่ได้หากถูกตัดเหมือนปูทั่วไป ที่ใหญ่ขึ้นอย่างเดียวคือส่วนท้องปูซึ่งถูกขยับขยายให้พอสำหรับเลี้ยงตัวอ่อน Sacculina ได้
หลังจาก Sacuulina ตัวผู้ลอยน้ำมาผสมกับปรสิตในร่างแล้ว พฤติกรรมของปู(แต่เดิมเพศผู้)จะเปลี่ยนเป็นเพศเมียโดยสิ้นเชิง มันจะช่วยปกป้องดูแลไข่ของปรสิตซึ่งฟักอยู่ใต้ท้องโดยใช้ก้ามขัดสาหร่ายหรือราที่มาเกาะไม่ต่างกับแม่ปูดูแลลูก พอตัวอ่อน Sacculina ฟักปูผีดิบก็จะใช้ก้ามช่วยพุ้ยน้ำส่งให้ปรสิตน้อยๆลอยไปแพร่เชื้อซอมบี้ให้เพื่อนร่วมพันธุ์ปูตัวอื่นๆอีกด้วย
อันดับ 2 Leucochloridium paradoxum
http://www.siamensis.org/board/10164.html
เจ้าหอยทากซอมบี้ที่ว่านี้ จริงๆ แล้วมันใช่หอยทากที่ตายแล้วกลายเป็นผีดิบ แต่ที่เขาเรียกมันนั้นเพราะ พฤติกรรมของมันที่ถูกควบคุมโดยหนอนพยาธิชนิดหนึ่ง
เจ้าหนอนพยาธิที่ว่านี่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Leucochloridium paradoxum เป็นพวกพยาธิใบไม้ (fluke) จัดอยู่ในไฟลัมหนอนตัวแบน (Phylum Platyhelminthes) ไม่มีชื่อไทย โดยพยาธิชนิดนี้มีหอยอำพัน (amber snails) เป็นพาหะตัวกลาง (intermediate host) และมีนกเป็นเจ้าบ้านถาวร (principle host)
วงจรชีวิตเริ่มจาก หอยอำพัน เป็นพาหะตัวกลาง กินมูลนกที่มีไข่พยาธิปนเป็นอาหาร พอเจ้าหอยทากได้รับไข่พยาธิเข้าไปในร่างกาย ไข่พยาธิจะฟักออกเป็นตัวอ่อนฃชอนไชเข้าสู่ระบบทางเดินอาหาร เพื่อเติบโตเข้าสู่ระยะเซอร์คาเรีย และเคลื่อนที่ไปอยู่บริเวณหนวดคู่บนของหอยทาก ในระยะนี้เหล่าตัวอ่อนพยาธิจะอยู่ในปลอกหุ้มที่มีรูปร่างเป็นหลอดยาว และมีแถบวงสีที่สดใส ที่เรียกว่า สปอร์โรซิส (sporocyste) ปลอกหุ้มหนึ่งอันอาจจะมีตัวอ่อนพยาธิอยู่ตั้ง แต่สิบถึงหลายร้อยตัว ทำให้หอยไม่สามารถหดตัวเข้าไปในเปลือกได้ และเริ่มบงการหอยเจ้าบ้านให้ทำตามที่มันต้องการ
นั่นคือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของหอยทากก็ จากที่เคยอยู่ตามพื้นดินที่ชื้นแฉะ หรือใต้ใบไม้ กิ่งไม้แห้ง ฯ ลฯ เพื่อหลบหลีกจากผู้ล่าที่จะจับมันกินเป็นอาหาร กลับกลายเป็นว่ามันจะออกไปสู่ที่โล่งแจ้ง และเริ่มปีนป่ายขึ้นต้นไม้ ไปอยู่ตามใบไม้หรือไม่ก็กิ่งไม้ที่เห็นตัวมันได้เด่นชัด ประมาณว่ายิ่งเด่นเท่าใดยิ่งดี พร้อมทั้งส่ายหนวดที่เหมือนกระบองของมันไปมาเป็นสีที่สดใส เช่น สีเขียว เหล่านี้รวมกับก้านตาที่บวมพองที่ส่ายไปมา ทำให้มองดูเหมือนกับตัวหนอน หลอกล่อให้นกคิดว่าเป็นตัวหนอนอ้วนกลมอันโอชะ และเข้ามาจิกกิน ถ้าโชคดีก็แค่หนวดขาด ซึ่ง สามารถงอกใหม่ได้ แต่ ถ้าโชคร้ายก็แค่ตายขอรับ เมื่อนกกินเจ้าสิ่งที่คิดว่าหนอนเข้าไป ตัวอ่อนพยาธิก็จะเข้าไปเจริญเติบโต และผสมพันธุ์วางไข่ในตัวนกต่อไป โดยไข่พยาธิจะออกมาพร้อมกับมูลที่นกปล่อยออกมา เมื่อมีหอยโชคร้ายมากินมูลนกที่มีไข่เข้าไป วงจรใหม่ก็จะเริ่มขึ้นต่อไป
(อืมสยอง)
อันดับ 1 The emerald jewel wasp
http://jusci.net/node/531
ดูปู หอยซอมบี้แล้วคราวนี้มาดูแมลงสาปซอมบี้บ้าง Emerald roach wasp เป็นต่อชนิดหนึ่งพบได้ในแถบ แอฟริกา อินเดีย และหมู่เกาะแปซิฟิก มีชื่ออีกชื่อคือ The emerald jewel wasp มันจะแสวงหาแมลงซักตัวเพื่อเป็นที่พักตัวอ่อนให้กับมัน โดยเหยื่อที่มันชอบคือแมลงสาบ ซึ่งมันก็จะเข้าไปโจมตีโดยการต่อยแล้วปล่อยสารพิษให้แมลงสาบส่งผลให้แมลงสาบไม่ตาย ไม่ได้เป็นอัมพาต แต่ไม่สามารถจะเดินได้ด้วยตัวเอง(ซึ่งต่างจากพิษของต่อชนิดอื่นที่จะทำให้เป็นอัมพาต) จากนั้นพวกมันจะสามารถบังคับหนวดของแมลงสาบให้เดินไปยังรังของมันได้ตามต้องการ(คล้ายจูงหมากลับบ้าน ) เมื่อเข้ารังแล้วปล่อยไข่ไว้ในตัวมัน แล้วมันก็จะเด็ดกินหนวดของเหยื่อของมัน อ๊ะ! เหยื่อยังไม่ตายนะ จากนั้นมันก็จะฝังแมลงสาบไว้เพื่อเป็นอาหารให้ลูกมัน ซึ่งเมื่อลูกฟักจากไข่ก็จะเริ่มกินอาหารก็คือเนื้อแมลงสาบซึ่งขณะนั้นแมลงสาบไม่สามารถทำอะไรได้(แต่ดิ้นได้)ก็จะทรมานกับการถูกกินทั้งเป็น และเป็นอาหารจนตัวอ่อนโตขึ้น ซึ่งแมลงสาบก็จะเหลือแต่ซากแล้วล่ะ แล้วตัวเต็มวัยก็จะไปหาแหล่งผสมพันธุ์แล้วมาปล่อยไข่ไว้ต่อ
แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการตีพิมพ์ลงใน Journal of Experimental Biology ว่ามีการทดลองออกมาแล้ว พบว่า พิษของเจ้าตัวต่อ นั้นไปมีผล บล็อกการทำงานของสารสื่อประสาทที่ชื่อ Octopamine ซึ่งเกี่ยวข้องกับ กลไกเคลื่อนไหวที่ซับซ้อน เช่น การเดิน พอมีการบล็อกเจ้าสารสื่อประสาทตัวนี้ ก็ทำให้ไม่สามารถ ?เริ่ม? การเดินได้ ซึ่งเมื่อฉีดสารที่ทำให้เกิดการบล็อก Octopamine ก็จะทำให้แมลงสาบเกิดอาการเหมือนกับการโดนพิษของตัวต่อ และเมื่อฉีดสารกระตุ้น Octopamine ไปในแมลงสาบที่ถูกพิษของตัวต่อ แมลงสาบก็หายดี กลับมาเดินได้ดังเดิม เป็นการยืนยันผลการทดลอง
มีคลิป http://video.aol.com/video-detail/what-sort-of-god-created-the-jewel-wasp/458619872
วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2552
+++ภาพลวงตาขั้นเทพ (โรคหัวใจอย่าเข้ามา)+++
วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2552
10 อันดับ สัตว์ที่อายุยืนที่สุด
10 อันดับ สัตว์ที่อายุยืนที่สุด
อันดับ 10 คือ "ลิง" ญาติห่างๆ ของมนุษย์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วลิงจะมีอายุเฉลี่ย 25 ปี
เจี๊ยกๆ ขอกล้วยหน่อย
อันดับ 9 ได้แก่ "ช้าง" ซึ่งมีอายุเฉลี่ย 60 ปี โดยจะขึ้นอยู่กับการดูแล อาหารการกินและความเครียด ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้เปรียบเทียบอายุขัยระหว่างช้างเอเชียและช้างแอฟริกาแล้วพบ ว่า ช้างแอฟริกาที่ต้องผจญกับสัตว์ป่านานาชนิดและอาหารการกินที่ขัดสนกว่า ทำให้พวกมันเครียดและมีอายุขัยน้อยกว่าช้างเอเชีย อย่างไรก็ดี มีบันทึกว่าประเทศญี่ปุ่นเคยมีช้างที่มีอายุมากที่สุดในโลกคือ 86 ปี
อันดับ 8 คือ สัตว์ที่ไม่มีใครอยากให้มันมีชีวิตที่ยืนยาวนัก เพราะมันมักได้รับบทตัวร้ายในละคร
เสมอๆ นั่นคือ "อีกา" นั่นเอง ด้วยเหตุผลที่อีกาจะมีคู่เพียงตัวเดียวตลอดอายุขัย ทำให้มันไม่เหนื่อยล้าจนเกินไป นอกจากนี้ การสืบพันธุ์ยังเป็นตัวกำนันนาฬิกาชีวภาพให้หมุนเร็วขึ้นด้วย อีกาจึงมีอายุขัยสูงถึง 90 ปี ซึ่งพบอีกว่านกหลายๆ ชนิดก็มีอายุที่ยืนยาวไม่ต่างจากอีกามากนัก เช่น นกกระตั้ว
อันดับ 7 คือ "กุ้งก้ามกราม" ด้วยอายุขัย100 ปี ถือว่าอายุยืนที่สุดในสัตว์จำพวกมีเปลือกแข็งด้วยกัน ด้วยเหตุผลที่มันมีการเคลื่อนไหวและเผาผลาญพลังงานน้อย
(อืมคงต้องจัดอันดับใหม่ซะแล้ว พวกนี้คงอยู่ได้ไม่นาน โธ่!)
อันดับ 6 คือ "หอยมุกน้ำจืด" ด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เผาผลาญพลังงานน้อย กินน้อย ใช้ก๊าซออกซิเจนในการหายใจน้อย ทำให้มันสามารถคว้าอันดับ 6 มาครองได้ ด้วยอายุขัยมากกว่า 110 ปี
(อืมนี่ก็เช่นกันอายุไม่น่าถึง110ปี)
อันดับ 5 คือ มนุษย์เรานี่เอง โดยมีอายุขัยสูงสุด 120 ปี ซึ่งสอดคล้องกับความเชื่อที่จารึกไว้ในคัมภีร์ศาสนาคริสต์และฮินดูที่ว่า มนุษย์จะมีอายุขัยได้ไม่เกิน 120 ปี อย่างไรก็ตามระยะหลังมานี้ มนุษย์มีแนวโน้มที่จะมีอายุทะลุ 100 ปีมากขึ้นเรื่อยๆ เคล็ดลับการมีอายุยืนของผู้เฒ่าผู้แก่ทั้งหลายล้วนระบุตรงกันถึงการบริโภค อย่างพอดี การออกกำลังกายแต่พอดี ไม่ใช้ร่างกายอย่างหักโหมและมีทัศนคติที่ดี
(เฮ้อ!ไม่น่าอยู่นานเลยมนุษย์เนี่ยอยู่ไปก็ดีแต่ทำร้ายโลก ทำร้ายสัตว์...ฮัดชิ้วเหมือนใครนินทา...ลืมไปเราก็มนุษย์ รึเปล่าหว่า? เราอาจเป็นมนุษย์ต่างดาวก็ได้ หึหึหึหึ) (อ้างอิงความเลวของมนุษย์ได้ที่อันดับ6-7 นี่ยังไม่รวมภาวะโลกร้อนและสัตว์ต่างๆอีกมากมาย)
อันดับ 4 ตกเป็นของปลาโบราณร่วมยุคกับไดโนเสาร์ที่มีไข่ที่เอร็ดอร่อยที่สุดในโลก นั่นคือ "ปลาสเตอร์เจียน" ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พบว่า มันสามารถมีอายุได้สูงถึง 150 ปีทีเดียว โดยคาดกันว่าน่าจะเป็นผลมาจากยีนอายุยืนที่พิสูจน์แล้วมามีอยู่จริงของมัน
(อืมมนุษย์ก็รับประทานอีกเช่นเคย)
อันดับ 3 ตกเป็นของพี่เบิ้มสิ่งมีชีวิตนั่นคือ "ปลาวาฬออร์ก้าในทวีปแอนตาร์กติก" ด้วยอายุขัย 200 ปี
(ถ้าตัวเล็กกว่านี้คงไม่รอด)
อันดับ 2"เต่า" ถือเป็นสิ่งมีชีวิตอายุยืนอันดับ 2 ที่มีอายุขัยประมาณ 250 ปี โดยเต่าที่มีอายุยืนที่สุดในโลกขณะนี้คือ "เต่ากาลาปากอส" ที่มีชื่อว่า "แฮเรียน" ตัวเดียวกันกับที่ "ชาร์ลส์ ดาร์วิน" นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้อง จับมันมาใช้ชีวิตเมืองเมื่อหลายสิบปีก่อน โดยชาร์ลสเองก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สิ่งมีชีวิตชนิดนี้มีอายุยืนกว่าเขาเองเสียอีก โดยสาเหตุที่เชื่อว่าเต่ามีอายุยืนยาว สืบเนื่องจากการเคลื่อนไหวที่เนิบช้า และความไม่เดือดเนื้อร้อนใจใดๆ นั่นเอง