วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

iq test

-         ของนัท เมื่อ 19 พย 53
Screenshot2010-11-19at10.53.02PM-2010-11-19-22-55.png

วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ไปเที่ยวเกาหลี

ไปเที่ยวเกาหลี 11-15สค 53 มาค่ะ

เอาบรรยากาศมาฝากด้วย....

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

หนังสือลึกลับ

ดึกคืนหนึ่ง

ชายหนุ่มคนนึงตั้งใจที่จะศึกษาเรื่องราวของผีในประเทศไทย และอาถรรพ์ ต่างๆ

ที่มีบันทึกไว้ในตำราจึงได้เดินเข้าไปในห้องสมุดโบราณ

ซึ่งเป็นสถานที่เก่าแก่ที่มีบันทึกเรื่องราวน่ากลัวต่างๆไว้อย่างมากมาย

ขณะที่กำลังค้นหาหนังสือลึกลับอยู่นั้น ชายหนุ่มก็ได้พบกับเจ้าของร้าน

มีท่าทางน่ากลัวมาก เป็นชายแก่ๆไว้หนวดเครา อายุไม่น่าต่ำกว่า 70 ปี

มีสายตาที่เย็นชามาก ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ได้พบหนังสือเล่มหนึ่ง

เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับบันทึกต่างๆเกี่ยวกับเรื่องผี

หน้าปกก็ดูเหมือนมีมนต์ขลังอะไรซักอย่างเมื่อชายหนุ่มได้หยิบหนังสือแล้วจะ

นำไปจ่ายเงิน

ชายหนุ่มสังเกตว่าเจ้าของร้านนั้น

หน้าซีดและดูหวาดกลัวหนังสือเล่มนั้นเป็นอย่างมาก

เมื่อชายหนุ่มถามราคาเจ้าของร้านจึงบอกว่า 500 บาท

ชายหนุ่มเห็นสีหน้าท่าทางหวาดกลัวของชายเจ้าของร้าน จึงรีบจ่ายเงินทันที

เมื่อชายหนุ่มเดินออกมาจากร้านก็ได้ยินเสียงเจ้าของร้านพูดออกมาด้วยเสียง

สั่นๆ ว่า ' อย่าเปิดหน้าสุดท้ายเด็ดขาดนะ '

เมื่อกลับมาถึงบ้านชายหนุ่มก็ได้เปิดหนังสืออ่านโดยปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้า

ของร้านอย่าง

เคร่งครัดว่าห้ามเปิดหน้าสุดท้ายอย่างเด็ดขาดเมื่ออ่านหนังสือซักพักชายหนุ่ม

ก็ได้เผลอหลับไป

และในขณะนั้นเอง เผอิญมีลมพัดมาทำให้หนังสือตกลงมาจากโต๊ะ

ทำให้หนังสือได้เปิดไปที่หน้าสุดท้ายเข้า

ชายหนุ่มตกใจเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น

ในหนังสือหน้าสุดท้าย มีข้อความว่า ........

>_< หนังสือเล่มนี้ราคา 35 บาท >_<

วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วันอังคารที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เด็กเนร์ด???

เนิร์ด (อังกฤษ: คือ : “ คนที่ทำ อะ ไร ด้วย ความ ชอบ เป็น หลัก ” หรืออาจกล่าวได้ว่า คือ คนที่ ใช้ เหตุผล และ ตัดสินใจบนพื้นฐานของ ความ ชอบ หรือ ความ หลงใหล ส่วน ตัว (personal passions) ไม่ ใช่ เป้าหมาย อื่นๆ เช่น เรื่องของ เงินทอง หรือ การได้การยอมรับ จาก สังคม (พวกเด็กที่ชอบใส่แว่นหนาๆ หน้าตาดูเก่งๆ อ่านหนังสือเยอะๆ)

แนวคิดที่ว่า ความ ชอบ ส่วน ตัวควร เป็น แรงบันดาลใจ ใน การตัดสินใจทุกอย่าง ใน ชีวิต นับ เป็น “ หลักการเบื้องต้น ” ของคนในกลุ่มนี้ ทำให้ลักษณะการใช้ชีวิตของคนกลุ่มนี้แตกต่างจากคนทั่วไปในกรอบสังคมอย่างเห็นได้ชัด

เนิร์ด ในความหมายปัจจุบันนั้น หมายถึง คนที่มุ่งพัฒนา ความ สนใจเฉพาะด้าน มากกว่า จะ สนใจทำ ตัวตาม ความ คาดหวังของสังคม (conformity) คนกลุ่มนี้มักมีทักษะ ( โดย เฉพาะด้านเทคนิค)และ จินตนาการสูง และเห็นว่าเรื่องที่ตนเองสนใจ มีความสำ คัญกว่าการได้รับความยอมรับ จาก สังคม นิยามนี้ ยัง ใช้ เรียกคนที่คน ส่วน ใหญ่ มองว่าฉลาดหลักแหลมกว่าคนธรรมดามาก

เนิร์ด มักจะชอบ ความ แปลก ใหม่ และ ของ ใหม่ๆ ใช้ คอมพิวเตอร์คล่อง (แม้อาจ ไม่ ถึง ขั้นเขียนโปรแกรม เป็น) มักมีทักษะในโลกอินเทอร์เน็ตสูง

นอกจากนั้น เนิร์ด ยังหมายถึงคนที่ทุ่มเท ความ สนใจ กับ อะ ไรสักอย่าง จน ถึง ระดับที่ทำ ให้ อยู่ นอก “ กระ แสหลัก ” ของสังคม ในสมัยนี้มีคำอีกคำที่พัฒนาขึ้นมาในความหมายเฉพาะ อีกคำ คือ Geek

นิยามของ Geek นี้กว้างมาก เพราะเมื่อเรา พูด ถึง หัวข้อ ความ สนใจ เป็น หลัก แล้วมันจะครอบคลุมวิชาการแทบทุกเรื่อง ไปถึงความสนใจพิเศาในทุกเรื่องที่เกิดความชื่นชอบและสนใจ จึง ครอบคลุมตั้งแต่ คณิตศาสตร์ , ครื่องบิน , ดนตรี , คอมพิวเตอร์ , วิทยาศาสตร์ , ภาพยนตร์ , การ์ตูนญี่ปุ่น และแอนิเมชัน, ละคร , ประวัติศาสตร์ , เกมคอมพิวเตอร์ , ภาษา ,การเมือง ,เศรษฐศาสตร์ ฯลฯ

เนิร์ด ในสมัยก่อน มักใช้ ใน ความ หมายเชิงลบ ใช้ เรียกคนที่ ไม่ มีทักษะ ใน การ เข้า สังคม ไม่ ว่า จะ ฉลาด หรือ ไม่ ความ หมายนี้ เหมือน กับ ศัพท์ แสลงอังกฤษอีกคำ คือ “dork” แต่ตอนนี้ เมื่อ เนิร์ด และ geek “ เท่ ” กว่าสมัยก่อนมาก แล้ว คนที่ เข้า สังคม ไม่ เป็น จึง เรียกว่า dork อย่างเดียว ไม่ ใช่ geek หรือ เนิร์ด อีกต่อไป

เนิร์ด สำหรับคนสายหัวเก่า เดิมหมายถึง คนที่ปกติจะขลุกอยู่กับคอมพิวเตอร์ หรือเรื่องที่คนอื่นเห็นว่าไม่น่าสนใจ เนิร์ดจะหมายถึงกลุ่มบุคคลที่มีระดับสติปัญญาสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน สนใจในสิ่งที่สังคมทั่วไปไม่สนใจกัน (โดยมากจะเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์) คำนี้ใช้กันแพร่หลายที่สุดในสหรัฐอเมริกา แต่ก็มีใช้ไม่น้อยในประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1990 เนิร์ดจำนวนมากบนโลกอินเทอร์เน็ต ถือเอาคำนี้เสมือนเหรียญตราแห่งความภูมิใจ และเริ่มใช้มันในความหมายแง่บวก เพื่ออธิบายถึงบุคคลที่มีความสามารถทางด้านเทคนิค ถึงแม้ว่าดั้งเดิมแล้วคำว่า "เนิร์ด" และ "กี๊ก" (geek) จะใช้เรียกผู้ชาย แต่ผู้หญิงจำนวนมากที่สนใจในเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และสาขาวิชาอื่น ๆ ที่ปกติจะมีแต่ผู้ชาย ก็เริ่มรับเอาสองคำนี้ไปใช้เสมือนหนึ่งตราแห่งความสำเร็จด้วย

ในภาษาไทย อาจใช้คำว่าหนอนหนังสือเพื่ออธิบายเนิร์ดได้ แต่ก็ไม่ได้ให้ความหมายที่ตรงเท่าไรนัก หรือจะใช้คำว่า "แฟนพันธุ์แท้" ก็น่าจะเห็นภาพได้ครอบคลุมกว่า

ภาพลักษณ์ของเนิร์ดในสื่อมวลชนและการ์ตูน มักจะเป็นชายหนุ่มใส่แว่นหนากรอบดำ (ที่มักจะแตกและแปะด้วยเทปพันสายไฟ) มีไม้โปรเทกเตอร์ติดกระเป๋า สวมกางเกง "high-water pants" และเสื้อเชิ้ตหรือชุดที่มักจะเป็นทางการเกินไป และบางครั้งภาพที่ออกมาก็มักจะเป็นคนที่ไม่ดูแลความสะอาดของตัวเอง และถ้าไม่ผอมแห้งก็จะอ้วนฉุไปเลย ภาพของเนิร์ดมักจะเป็นคนที่เข้าสังคมไม่คล่อง ไม่สามารถสนทนาเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องเทคนิคกับคนอื่น ๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสาวสวย1196056_6974089-2010-06-1-14-01.jpg

50_epic_super_nerd_photos_32_200907-2010-06-1-14-01.jpg

21522-attachment-2010-06-1-14-01.jpg

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

การออกเสียง พินอิน

การออกเสียง-พินอิน

การออกเสียง ภาษาจีน  อาจจะยากสักหน่อยสำหรับคนไทย

  เพราะบางเสียงก็ไม่อาจเทียบเคียงกันได้  แต่คนไทยจะได้

เปรียบชาติอื่นๆ ในการเรียน ภาษาจีน  ตรงที่ภาษาไทยของ

เรานั้นมีวรรณยุกต์จึงไม่ยากเกินความพยายามของเรา 

ในช่วงเริ่มเรียนแรกๆ  อาจจะใช้ภาษาไทยเขียนกำกับ

คำอ่านก่อนก็ได้  แต่เมื่อเรียนไปสักพักควรจะใช้แต่พินอิน 

เพราะจะเป็นการช่วยฝีกอ่านและได้เสียงที่แม่นยำมากกว่า

เสียงพยัญชนะทั้ง  21  เสียงในภาษาจีน

 

b

p

m

f

d

t

n

l

g

k

h

 

j

q

x

 

z

c

s

 

zh

ch

sh

r

 

เสียงสระใน ภาษาจีน มีทั้งหมด 36 เสียง แบ่งเป็นสระเดี่ยว 6 เสียง 

และสระผสมอีก 30 เสียง

 

สระเดี่ยว

สระผสม

a

ao

ai

an

ang

 

o

ou

ong

 

 

 

e

ei

er

en

eng

 

i

ia

ie

iao

iu(iou)

ian

 

in

iang

ing

iong

 

u

ua

uo

uai

ui(uei)

uan

 

un(uen)

uang

ueng

 

 

ü

üe

    üan     

ün

 

 

 

เสียงวรรณยุกต์ใน ภาษาจีน มี 4 เสียง

 

เสียงที่ 1

เสียงที่ 2

เสียงที่ 3

เสียงที่ 4

ˉ

/

ˇ

\

เทียบเสียงกับวรรณยุกต์ใน  ภาษาไทย

สามัญ

จัตวา

เอก

โท

ตัวอย่าง

ปา

ป๋า

ป่า

ป้า

 

ตารางการออกเสียงพินอิน 

http://www.youtube.com/watch?v=b9Ayvjy-Dgs&fmt=22

วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2553

คุณยายศรีธนนชัย

คุณยายศรีธนนชัย

หญิงชรานางหนึ่งถือถุงใบเขื่องเดินเข้าไปในธนาคาร
และกล่าวกับพนักงานที่เคาน์เตอร์ ว่าต้องการ
ฝากเงินสามล้านบาทแต่ขอคุยกับผู้จัดการโดยตรง
พนักงานเห็นว่าหญิงชรามีเงินจำนวนมาก เลยพาไปห้องผู้จัดการเมื่อไปถึง
ผู้จัดการเกิดความสงสัยว่า หญิงชราไปเอาเงินมาจากไหนเลยถามขึ้นว่า

ผู้จัดการ - คุณยายเอาเงินมาจากไหนมากมายครับ ?
คุณยาย - ยายชนะพนันมาจ้ะ
ผู้จัดการ - ยายไปพนันอะไรมาเหรอครับ ?
คุณยาย - ก็ไม่มีอะไรมากหรอกพ่อหนุ่ม....อยากรู้ใช่ไหม ? เรามาลองพนันกันก็ได้สักแสนนึง เอาไหมล่ะ ?

ว่าก่อนเก้าโมงเช้าวันพรุ่งนี้ไข่ของพ่อหนุ่ม จะกลายเป็นสี่เหลี่ยม
ผู้จัดการ - ฮ่าฮ่าฮ้า ล้อเล่นน่า จะพนันกันจริงๆเหรอ ?
คุณยาย - จริงๆซิ ยายมีเงินไม่เห็นเหรอนี่ไงตั้งสามล้าน

คุณยายเปิดถุงเงินให้ผู้จัดการดู

ผู้จัดการ เห็นว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ที่ไข่ของตนจะกลายเป็นสี่เหลี่ยม เลยตอบตกลงรับคำท้าและนัดแนะกัน

ว่าพรุ่งนี้เช้าเก้าโมงจะมาพบกันอีกที ตลอดวันนั้นผู้จัดการไม่เป็นอันทำงานเฝ้าแต่คอยคลำไข ่ตัวเอง

ว่ายังกลมๆ รีๆ อยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า รุ่งเช้าตื่นขึ้นมาผู้จัดการก็ไม่ลืมที่จะ ตรวจสอบลูกน้อยทั้งสองใบ

ว่ายังกลมอยู่เหมือนเดิมจริง ๆ เมื่อคลำดูแล้วก็ยังกลมๆดีอยู่ ผู้จัดการเลยรู้สึก กระหยิ่มใจว่าวันนี้รวยแน่

เวลาเก้าโมงตรงหญิงชรามาที่ธนาคารและตรงไปที่ห้องผู้ จัดการทันทีพร้อมกับชายอีกคน

ผู้จัดการ - สวัสดีครับคุณยาย อ้าว...พาใครมาด้วยละนี่ ?
คุณยาย - อ๋อ … ทนายน่ะ ยายเห็นเงินพนันมันมากเลยพาทนายมาด้วย
ผู้จัดการ - ฮุฮุ … คุณยายผมเสียใจด้วยนะคุณยายแพ้พนันผมแล้วหละไข่ ผมยังกลมอยู่เลยนี่ไง

ว่าแล้วผู้จัดการก็จัดแจงปลดกางเกงลงและเรียกให้หญิง ชรามาตรวจสอบน้องชายได้
หญิงชราจึงเดินเข้าไปแล้วก็ลูบๆคลำๆไข่ผู้จัดการอยู่ สักพักแล้วพูดขึ้นว่า

คุณยาย - อืมมมม ยังกลมอยู่จริงๆ ยายยอมแพ้แล้ว

ขณะที่คุณยายกำลังคลำไข่ผู้จัดการอยู่นั้น...
ผู้จัดการ เหลือบไปเห็นทนายที่มากับหญิงชรากำลังเอาหัวโขกกำแพงอย่างแรงติดๆ
กันหลายครั้ง เลยถามคุณยายว่า

ผู้จัดการ - ยายๆ ทนายของยายเขาเป็นอะไรเหรอ ?
คุณยาย - อ๋อ … เขาแพ้พนันยายน่ะ
ยายบอกเขาว่า ภายในเที่ยงวันนี้ยายจะได้คลำไข่ผู้จัดการแบ็งค์ใน office ของผู้จัดการเองเลย
ทนายเขาไม่เชื่อ เราเลยพนันกันสองแสน....อิอิอิ..................

วันจันทร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2553

ต้นไม้หนาม

วันนี้นัทได้ไปซื้อต้นไม้มาด้วย
เป็นต้นกระบองเพชรต้นสั้นๆ
ปอนด์ก็ซื้อมาแต่ดูแล้วปอนด์ไม่ค่อยใส่ใจเลย
ตอนแรกนัทอยากใส่กระถางที่ซื้อมาตอนไปเที่ยว แต่
มาม๊าบอกให้ใส่กระถางอื่นเพราะกระถางนี้เป็น
...เหล็ก
1201924267.Mh8da587QjK5.JUH7Mu569tHQ.jpg
20100327-100325-3713.JPG.jI2X71m6v8MS.ByEph1KYdalb.jpg

ยินดีด้วย

congratulation.zxg8N1fPm6zw.jpg

วันอังคารที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2553

swiss villa hip


ที่ swiss villa hip ค่ะ

_MG_6448.t8tgHYz80Lep.jpg

_MG_6474.bptJkvDlOf5r.jpg

วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

การวิเคราะห์ facial expression ที่สำคัญมากกับชีวิตของทหารหญิงคนหนึ่ง

คำเตือน !

ต่อไปนี้มีรูปศพ 1 รูป ไม่น่ากลัว แต่ให้เตรียมใจไว้


เวปไซต์ของหนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ไทมส์ May 19, 2008, 10:56 pm The Most Curious Thing http://opinionator.blogs.nytimes.com/2008/05/19/the-most-curious-thing/
นี่คือรูปที่ถ่ายในเหตุการณ์การตายปริศนาของนักโทษในคุก Abu Ghraib ในอิรัก เมื่อปี 2003 ในรูปมีทหารหญิงชื่อ ซาบรีน่า เฮอแมน โพสท่าถ่ายรูปกับศพนักโทษคนนั้น โดยยิ้มกว้าง และทำท่าชูนิ้วโป้งต่อหน้าศพนักโทษคนนั้น เมื่อประชาชนชาวอเมริกันจำนวนมากได้เห็นรูปนี้ทำให้เกิดความสะเทือนใจมาก เป็น talk of the town  คิดไปว่า “ยัยนี่เลวมาก ถ่ายรูปยิ้มร่าแบบนั้น คงมีความสุขมากที่คนอิรักคนนั้นตาย หรือไม่เธอก็ต้องมีส่วนร่วมฆ่าคนนี้แน่ๆ” 
แล้วคุณล่ะ รู้สึกอย่างไรกับภาพนี้
X9053361-36.N7TGFWVlNXW6.jpg

นักข่าว ERROL MORRIS จึงขอสัมภาษณ์เธอถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เป็นตราบาปในชีวิตเธอ 

เธอบอกว่าเหตุการณ์ข้างหลังภาพนั้นเริ่มตั้งแต่ วันที่ Oct. 27, 2003 มีพนักงานกาชาดชาวอิรักโดนระเบิด ต่อมาจับผู้ต้องสงสัยได้ชื่อ Manadel al-Jamadi โดยหน่วย Navy Seals แล้วเอาไปขังที่คุก Abu Ghraib 


ที่คุกแห่งนี้จะแบ่งนักโทษเป็นสองแบบ คือแบบคนที่มีชื่อในรายชื่อ กับพวก “ผี” คือนักโทษที่โดนจับมาอย่างลับๆ ไม่ให้รู้ชื่อ ให้ทหารในนั้นทำเสมือนว่าไม่มีคนชื่อนี้อยู่ พยานหลายคนก็เล่าแบบนั้นพอ Manadel al-Jamadi คนนี้มาที่คุกนี้ก็อยู่ในแบบผี ในคุกนี้มีหน่วยงานของสหรัฐหลายหน่วย เช่น  F.B.I., C.I.D., C.I.A., D.I.A.  เรียกหน่วยที่ไม่ใช่ทหารอย่างรวมๆว่า O.G.A. – Other Government Agencies
X9053361-37.ttEiBWAQpStM.jpg

วันนั้นโอจีเอก็จับนักโทษคนนี้ไปที่ห้องอาบน้ำ ให้ขึงในเหมือนตรึงกาเขน แต่ไม่ได้ใช้ตะปู แต่เป็นกุญแจมือแทน ให้ห้อยอยู่อย่างนั้น มีคนหลายคนเข้าไปสอบสวนเป็นเวลานาน วันต่อมามีคนไปพบว่าชายคนนี้ตายแล้ว 

มีการปกปิดว่าคนนี้ตายโดยธรรมชาติ คือล้างเลือดออก เอาถุงน้ำแข็งถุงใหญ่มาโปะ ซาบรีน่าซึ่งเป็นทหารที่คุกนั้นบอกว่าเธอได้รู้ข่าวครั้งแรกว่านักโทษคนนี้ตายแล้ว ผู้บังคับบัญชาของเธอบอกว่าเขาหัวใจวายตาย เธอก็เลยอยากจะไปดูศพบ้าง ไปกับเพื่อนอีกคน พอเข้าไปในห้องเพื่อนก็บอกว่ามาถ่ายรูปกันเถอะ เธอก็เลยทำท่านั้นไป เพราะเห็นว่าเท่ดี ลืมนึกไปว่าคนคนนี้เคยมีชีวิตมีลูกมีเมีย 

แต่ว่าเวลาถ่ายรูปเธอก็มักจะทำท่านี้อยู่แล้วคือยิ้มและยกหัวแม่มือขึ้น ตอนอยูที่ค่ายอื่นๆในเมืองอื่นก็ทำท่านี้ เพื่อนเธอก็สลับกันถ่ายรูป แต่พอเธอออกจากห้องมา เธอนึกขึ้นได้ว่าศพนั้นไม่เหมือนกับหัวใจวายตาย เพราะมีรอยช้ำ เธอจึงกลับไปในห้องนั้นอีกครั้งกับเพื่อน แล้วถ่ายรูปศพอย่างจริงจังอีกครั้ง คือถ่ายสภาพศพแบบนิติเวช เห็นว่าใต้ตามีผ้าก๊อซติดอยู่ เลยแกะผ้าออกมีรอยช้ำ และตามตัวก็น่วมมาก เธอก็ถ่ายรูปเก็บไว้ 

เหตุผลที่เธอถ่ายรูปคืออยากเปิดเผยให้สังคมรู้ว่ามีสิ่งไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นที่คุกนี้ เธอบอกว่าขณะที่มีคนนำศพออกไป เขาเอาสายน้ำเกลือมาโยงให้ศพด้วย จะได้ดูเหมือนจะไปโรงพยาบาล ถ้าไม่ทำอย่างนี้กลัวนักโทษคนอื่นก่อหวอดได้ ต่อมามีการเผยแพร่ภาพนี้ออกมา เธอกลับเป็นคนที่สังคมประณามว่าชั่ว ที่ไปถ่ายแอ๊คชั่นกับศพอย่างนั้น ตอนแรกกองทัพจะดำเนินคดีกับเธอว่าไปยุ่งกับที่เกิดเหตุให้เสียรูปคดี แต่เธอบอกว่าก็มันยุ่งอยู่ก่อนแล้วอะ 

มีการสืบสวนคดีนี้จากหลายหน่วยงานทั้ง NCIS และอัยการสูงสุด แต่ก็เหมือนตาบอดคลำช้าง เพราะคนนู้น บอกอย่างนึง อีกคนบอกอย่างนึง ผลชันสูตรบอกว่าตายจากการ “slow deliberate application of force,” เหมือนการถูกเอาเข่ากดอกไว้นานๆ ซาบรีน่ากลัวมากว่าจะโดนเก็บหรือเปล่า เธอเขียนจดหมายไปหาแฟนที่เป็นผู้หญิงของเธอว่ารัก และกลัวว่าจะเป็นอะไรไป นักข่าวสัมภาษณ์เสร็จก็ขอรูปถ่ายอื่นๆของเธอไว้ และเอาไปปรึกษา Dr Pual Ekman ว่าเธอยิ้มด้วยความสุขหรือไม่
X9053361-40.AeMUA78v3pAq.jpg

ขำๆ จดหมายบอกเกรดพ่อ



กราบเท้าคุณพ่อคุณแม่ที่เคารพ

คุณพ่อคะ คุณแม่คะ

เป็นอย่างไรบ้างสบายดีหรือเปล่าคะ

ผ่านมาเกือบครึ่งปีตั้งแต่หนูเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ

หนูไม่ได้ติดต่อคุณพ่อคุณแม่เลย

หนูอยู่ที่นี่สบายดี...พี่มากเค้ารักหนูและดูแลหนูเป ็นอย่างดี

สงสัยหรือคะว่าพี่มากคือใคร

จำได้มั้ยคะวันที่หนูจากคุณพ่อคุณแม่ที่สถานีรถทัวร์ เข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ

รถทัวร์ที่หนูนั่งมาเกิดอุบัติเหตุใกล้ปั๊มน้ำมันแห่ งหนึ่งในกรุงเทพฯ

หลังเกิดอุบัติเหตุ มีคนมาล้อมหน้าล้อมหลังหนูเต็มไปหมดเลยค่ะ

และมีคนขโมยกระเป๋าเดินทางและกระเป๋าตังค์ไป

พี่มากเค้าเป็นเด็กปั๊มที่นั่นค่ะ

พอรถชนกันเค้าก็เข้าไปช่วยปฐมพยาบาล

เราเจอกันที่นั่นค่ะคุณพ่อเค้าเป็นคนดีมาก

เราพูดคุยกันซักครู่ใหญ่

รู้สึกถูกคอกันมากคุณแม่ขา

นี่แหละมั้งคะที่เรียกว่ารักแรกพบ

พอเค้ารู้ว่าหนูยังไม่มีที่พักไม่มีญาติในกรุงเทพฯ

และยังไม่รู้จะไปพักที่ไหนแถมยังบาดเจ็บจากอุบัติเหต ุ

พี่มากเลยชวนหนูไปอยู่ด้วยกันที่หอพักใกล้ๆปั๊มน้ำมั นนั้น

ด้วยความตกใจและไม่มีที่พึ่งทำให้หนูรับปากพี่เค้าไป โดยไม่รู้ตัว

แต่ว่าคุณพ่อคะพี่มากเป็นคนดีมากค่ะ เค้าไม่เคยแตะต้องตัวหนูเลย

เราอยู่ด้วยกันปร ะมาณ2เดือน พี่มากจึงขอหนูแต่งงานค่ะ

หนูขอโทษที่ไม่ได้บอกคุณพ่อคุณแม่ก่อน

แต่ด้วยความใกล้ชิดทำให้หนูไม่สามารถยั้งใจไว้ได้

จึงได้บอกตกลงพี่มากเค้าไป

อภัยให้เรานะคะนึกว่าเห็นแก่เด็กตาดำๆ

ที่จะเกิดมาดูโลกนี้อีกไม่นานเท่าไร

หนูกำลังมีหลานให้คุณแม่ค่ะ

คาดว่าการเรียนเทอมแรกนี้คงต้องพักไว้ก่อน

หรือไม่ก็ต้องเลิกเรียนไปเลย

เพราะว่าหนูคงต้องช่วยพี่มากหาเงินก่อนที่ท้องจะใหญ่ ไปกว่านี้

พอลูกคลอดแล้วก็คงต้องอยู่เลี้ยงลูกอีก คงไปเรียนไม่ได้

เงินทองก็หมดไปทุกวันๆแต่หนูก็ยังสุขใจดีค่ะ ไม่ต้องห่วง

คุณพ่อคุณแม่อย่าโกรธหนูนะคะ

มันเป็นเรื่องสุดวิสัยจริงๆ

แต่หนูคิดว่าคุณพ่อคุณแม่คงจะให้อภัย

เมื่อคลอดลูกแล้วหนูจะพาพี่มากและลูกไปกราบเท้าคุณพ่ อคุณแม่ที่บ้านนะคะ

ที่หนูเขียนจดหมายมาหาคุณพ่อคุณแม่วันนี้

มีข่าวดีและข่าวร้ายมาบอกค่ะ

ข่าวดีก็คือที่หนูเล่ามาทั้งหมดนั่น

เป็นเรื่องไม่จริงค่ะหนูล้อเล่นค่ะ!!

ส่วนข่าวร้ายก็คือเทอมแรกหนูสอบได้F 3 วิชาD 2 วิชา และ C อีก1วิชา

เห็นมั้ยคะ มันไม่ได้ร้ายแรงไปกว่าที่หนูเล่ามาตั้งแต่ต้นหรอก

ดีกว่าซะอีกจริงมั้ยคะ ฉะนั้นอย่าโกรธหนูนะคะ

ด้วยรักและเคารพอย่างสูง

หนูดาที่รักของคุณพ่อคุณแม่

ป.ล.เงินที่คุณพ่อให้มาหมดแล้วล่ะค่ะ

ถ้าคุณพ่อจะเห็นใจช่วยโอนเงินเข้าให้หนูด้วยนะคะ"


จดหมายตอบกลับ


สวัสดีจ้ะลูกรักของพ่อ

ที่ลูกเล่ามาทั้งหมดตั้งแต่แรกนั่นน่ะ ทำเอาพ่อใจไม่ดีไปเลยเชียว

พ่ออ่านจดหมายลูกได้แค่ครึ่งเดียวก็โกรธจัดจนไม่ได้อ ่านต่อ

เพราะว่าบันดาลโทสะทำให้พ่อกับแม่ทะเลาะกันยกใหญ่

แม่เค้าไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริงเพราะเค้ารักลูกมาก

คิดว่าลูกคงจะไม่ทำให้เค้าผิดหวัง

แต่พ่อก็โมโหซะจนลืมตัวทะเลาะกับแม่อย่างแรง

ลูกก็รู้ว่าแม่ป่วยเป็นโรคหัวใจอยู่

พ่อผิดเองที่ไม่รู้จักคิดรู้จักยั้งความโกรธ เราทะเลาะกันแรงมาก

จนแม่เค้า......ล้มลงหัวใจวาย ยาที่เคยมีอยู่ในบ้านก็หาไม่เจอ

พ่อพาแม่แกส่งโรงพยาบาลก็สายไปซะแล้ว

พ่อกำลังเศร้ามากคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

มันเกิดจากพ่อไม่อ่านจดหมายของแกให้จบซะก่อน

แม่แก็เลยมีอันเป็นไป

อ้อพ่อมีข่าวดีและข่าวร้ายสำหรับลูก

ข่าวดีคือแม่แกยังอยู่สบายดีไม่มีอะไรพ่อล้อเล่น

ข่าวร้ายคือแม่เค้าเสียไพ่เลยไม่มีเงินส่งไปให้ลูก

แต่มันก็ยังดีกว่าที่แม่เค้าจะเป็นอะไรไปใช่ไหมล่ะ

หวังว่าลูกคงอ่านจดหมายจนจบนะ

ไม่ใช่ตกใจตะลีตะเหลือกไปฆ่าตัวตายซะก่อน

รักลูกมากจ้ะ

พ่อ

วันอังคารที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2553

นัทสอบได้ที่ 1 สภาราชินี

แงๆ ทำไงดี

สอบได้ที่ 1 สภา ราชินี แบบนอกเขตค่ะ

Screenshot2010-03-30at8.42.09PM.cykVuKlpDovX.jpg

วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

ข้อคิด



ฝรั่ง มีสำนวนประโยคหนึ่งว่า "Add insult to injury" หมายถึงการเหยียบซ้ำ

พลาดแล้วถูกซ้ำ เติมเป็นเรื่องเราต้องเคยเจอสักครั้งหนึ่ง

เคยไหม ที่คุณขับรถฝ่าไฟแดง แล้วไม่ถูกตำรวจจับ และคนข้างๆ บอกประชดว่า "ขับ รถเก่งจัง"

แต่ครั้นทำอย่างเดียวกันอีกครั้ง แล้วถูกตำรวจจับ จะได้รับคำซ้ำเติมว่า"บอกว่าอย่าฝ่าไฟแดง แล้วไง โดนใบสั่งจนได้"

ความผิดพลาดอาจเป็นความเสียหาย แต่ก็เป็นความเสียหายในระดับหนึ่ง การซ้ำเติมทำให้ความเสียหายนั้นสูงขึ้นกว่าเดิม และทำให้ปัญหานั้นแก้ไขยากขึ้น

มีตัวอย่าง มากมายที่เมื่อเด็กสอบตก พ่อแม่ก็ดุด่าเด็กจนเด็กกลัว ทำอะไรก็ผิดพลาดไปหมด เสียอนาคตไปเลย

บางเหตุการณ์เกิดมานานหลายสิบปี ยังรื้อฟื้นขึ้นมา และยังสามารถโกรธเป็นฟืนเป็นไฟในเรื่องที่จบไปนานแล้ว

บางคนติด นิสัยด่าคนที่ทำพลาด ตอกย้ำทุกครั้งที่ทำผิด และทุกครั้งที่คิดการใหม่ ด้วยประโยค "ทำไปทำไม เดี๋ยวก็คงผิดอย่างเดิมอีก"

ด้วย "กำลังใจ" แบบนี้ ถึงไม่ทำผิด ก็คงต้องผิดสักวัน

ประโยคยอดนิยมคือ :
"บอกแล้วว่าอย่าทำๆ"
"เห็นมั้ย ฉันว่าแล้ว ผิดซะเมื่อไหร่"
"นึก แล้วเชียว"
"สมน้ำหน้า เตือนแล้วไม่ฟัง"

การกระหน่ำซ้ำ คนที่ทำผิดพลาดไม่ใช่กุศโลบายที่ดี โดยเฉพาะในฐานะของผู้นำ
ด่าไปแล้วก็ ไม่ช่วยให้ความผิดพลาดกลับคืนสู่สภาพเดิมได้

มองโลกในแง่ดีว่า ไม่มีใครอยากทำผิด ไม่มีใครอยากเป็นคนไม่ดี

ภาษิตฝรั่งว่า "Don't cry over spilt milk."

ทำนมหกไปแล้วก็อย่าเสียเวลา คร่ำครวญกับมัน เสียเวลาเปล่า เพราะไม่มีทางที่จะนั่งยานเวลาย้อนกลับไปป้องกันเหตุการณ์นั้นได้

การเหยียบซ้ำก็เหมือนการถูกมีดบาดแล้วโรยเกลือซ้ำ บางครั้งอาจทำให้คนทำผิดพาลไม่ยอมเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น หรือแสดงออกด้วยการประชด ตั้งใจทำผิดซ้ำสองอีก

คนทำผิดส่วน ใหญ่เรียนรู้จากความละอายใจมากกว่าจากคำด่า

มองโลกในแง่ดี คือเมื่อรู้จักให้อภัย เมื่อนั้นความผิดพลาดนั้นๆ ก็อาจคุ้มค่ากับความเสียหาย เพราะต่างคนต่างได้รับบทเรียน


บทความโดย....วินทร์ เลียววาริณ

Anxiety4a.N7Su2koSWAPm.jpg

วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2553

สายตาสั้นค่ะ























R
SPH
CYL
*
-0.5
-0.5
L
SPH
CYL
*
-1.00
-0.25

ขวา สั้น 50 เอียง 50
ซ้าย สั้น 100 เอียง 25

myopia.IS4tpnzJMHEE.jpg



สายตาสั้น Myopia
คือ สภาวะที่แสงจากวัตถุผ่านเลนส์แก้วตาไปตกด้านหน้าจอประสาทตา

วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2553

cat

นัทเพิ่งไปสอบโรงเรียนสภาราชินี

สอบวิชา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคม ภาษาไทย

วิชาคณิต ง่ายมาก ส่วนวิชาอื่นๆ ยากปานกลาง


op45xe.3TP368a5GOP4.jpg

กินอยู่ค่ะ

Photoon2010-03-20at15.11.JiLkiS715Z2a.jpg

test

test
PastedGraphic.kmCe1zdpPKQ7.jpg

วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

พรุ่งนี้นัทจะไปสอบจุฬาภรณ์

ไม่รู้เหมือนกันว่าจะสอบได้ไหม เพราะคนเข้าสอบมาก และยากทีเดียว

แล้วแต่ดวงก็แล้วกันนะ

วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

พรุ่งนี้จะไปรายงานตัวที่ปัญญาวิทย์


เมื่อกี้นัทเกือบหมดลมหายใจ หลังจากที่ป่าป้าและม่าม้า อัดนัดจนไส้แทบแตก สมองแทบหลุดออกจากกะโหลก

เพราะว่านัทเกเรไปหน่อย

เอาเป็นว่านัทผ่านพ้นวิกฤต และสร้างโอกาสให้กับตัวเองอีกครั้ง ฮือๆๆๆ ใครจะช่วยนัทได้นอกจากตัวเอง


พรุ่งนี้จะไปรายงานตัวแล้วค่ะ

พรุ่งนี้จะไปรายงานตัวที่ปัญญาวิทย์

เมื่อกี้นัทเกือบหมดลมหายใจ หลังจากที่ป่าป้าและม่าม้า อัดนัดจนไส้แทบแตก สมองแทบหลุดออกจากกะโหลก

เพราะว่านัทเกเรไปหน่อย

เอาเป็นว่านัทผ่านพ้นวิกฤต และสร้างโอกาสให้กับตัวเองอีกครั้ง ฮือๆๆๆ ใครจะช่วยนัทได้นอกจากตัวเอง


พรุ่งนี้จะไปรายงานตัวแล้วค่ะ