วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

ข้อคิด



ฝรั่ง มีสำนวนประโยคหนึ่งว่า "Add insult to injury" หมายถึงการเหยียบซ้ำ

พลาดแล้วถูกซ้ำ เติมเป็นเรื่องเราต้องเคยเจอสักครั้งหนึ่ง

เคยไหม ที่คุณขับรถฝ่าไฟแดง แล้วไม่ถูกตำรวจจับ และคนข้างๆ บอกประชดว่า "ขับ รถเก่งจัง"

แต่ครั้นทำอย่างเดียวกันอีกครั้ง แล้วถูกตำรวจจับ จะได้รับคำซ้ำเติมว่า"บอกว่าอย่าฝ่าไฟแดง แล้วไง โดนใบสั่งจนได้"

ความผิดพลาดอาจเป็นความเสียหาย แต่ก็เป็นความเสียหายในระดับหนึ่ง การซ้ำเติมทำให้ความเสียหายนั้นสูงขึ้นกว่าเดิม และทำให้ปัญหานั้นแก้ไขยากขึ้น

มีตัวอย่าง มากมายที่เมื่อเด็กสอบตก พ่อแม่ก็ดุด่าเด็กจนเด็กกลัว ทำอะไรก็ผิดพลาดไปหมด เสียอนาคตไปเลย

บางเหตุการณ์เกิดมานานหลายสิบปี ยังรื้อฟื้นขึ้นมา และยังสามารถโกรธเป็นฟืนเป็นไฟในเรื่องที่จบไปนานแล้ว

บางคนติด นิสัยด่าคนที่ทำพลาด ตอกย้ำทุกครั้งที่ทำผิด และทุกครั้งที่คิดการใหม่ ด้วยประโยค "ทำไปทำไม เดี๋ยวก็คงผิดอย่างเดิมอีก"

ด้วย "กำลังใจ" แบบนี้ ถึงไม่ทำผิด ก็คงต้องผิดสักวัน

ประโยคยอดนิยมคือ :
"บอกแล้วว่าอย่าทำๆ"
"เห็นมั้ย ฉันว่าแล้ว ผิดซะเมื่อไหร่"
"นึก แล้วเชียว"
"สมน้ำหน้า เตือนแล้วไม่ฟัง"

การกระหน่ำซ้ำ คนที่ทำผิดพลาดไม่ใช่กุศโลบายที่ดี โดยเฉพาะในฐานะของผู้นำ
ด่าไปแล้วก็ ไม่ช่วยให้ความผิดพลาดกลับคืนสู่สภาพเดิมได้

มองโลกในแง่ดีว่า ไม่มีใครอยากทำผิด ไม่มีใครอยากเป็นคนไม่ดี

ภาษิตฝรั่งว่า "Don't cry over spilt milk."

ทำนมหกไปแล้วก็อย่าเสียเวลา คร่ำครวญกับมัน เสียเวลาเปล่า เพราะไม่มีทางที่จะนั่งยานเวลาย้อนกลับไปป้องกันเหตุการณ์นั้นได้

การเหยียบซ้ำก็เหมือนการถูกมีดบาดแล้วโรยเกลือซ้ำ บางครั้งอาจทำให้คนทำผิดพาลไม่ยอมเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น หรือแสดงออกด้วยการประชด ตั้งใจทำผิดซ้ำสองอีก

คนทำผิดส่วน ใหญ่เรียนรู้จากความละอายใจมากกว่าจากคำด่า

มองโลกในแง่ดี คือเมื่อรู้จักให้อภัย เมื่อนั้นความผิดพลาดนั้นๆ ก็อาจคุ้มค่ากับความเสียหาย เพราะต่างคนต่างได้รับบทเรียน


บทความโดย....วินทร์ เลียววาริณ

Anxiety4a.N7Su2koSWAPm.jpg

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น