วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

การวิเคราะห์ facial expression ที่สำคัญมากกับชีวิตของทหารหญิงคนหนึ่ง

คำเตือน !

ต่อไปนี้มีรูปศพ 1 รูป ไม่น่ากลัว แต่ให้เตรียมใจไว้


เวปไซต์ของหนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ไทมส์ May 19, 2008, 10:56 pm The Most Curious Thing http://opinionator.blogs.nytimes.com/2008/05/19/the-most-curious-thing/
นี่คือรูปที่ถ่ายในเหตุการณ์การตายปริศนาของนักโทษในคุก Abu Ghraib ในอิรัก เมื่อปี 2003 ในรูปมีทหารหญิงชื่อ ซาบรีน่า เฮอแมน โพสท่าถ่ายรูปกับศพนักโทษคนนั้น โดยยิ้มกว้าง และทำท่าชูนิ้วโป้งต่อหน้าศพนักโทษคนนั้น เมื่อประชาชนชาวอเมริกันจำนวนมากได้เห็นรูปนี้ทำให้เกิดความสะเทือนใจมาก เป็น talk of the town  คิดไปว่า “ยัยนี่เลวมาก ถ่ายรูปยิ้มร่าแบบนั้น คงมีความสุขมากที่คนอิรักคนนั้นตาย หรือไม่เธอก็ต้องมีส่วนร่วมฆ่าคนนี้แน่ๆ” 
แล้วคุณล่ะ รู้สึกอย่างไรกับภาพนี้
X9053361-36.N7TGFWVlNXW6.jpg

นักข่าว ERROL MORRIS จึงขอสัมภาษณ์เธอถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เป็นตราบาปในชีวิตเธอ 

เธอบอกว่าเหตุการณ์ข้างหลังภาพนั้นเริ่มตั้งแต่ วันที่ Oct. 27, 2003 มีพนักงานกาชาดชาวอิรักโดนระเบิด ต่อมาจับผู้ต้องสงสัยได้ชื่อ Manadel al-Jamadi โดยหน่วย Navy Seals แล้วเอาไปขังที่คุก Abu Ghraib 


ที่คุกแห่งนี้จะแบ่งนักโทษเป็นสองแบบ คือแบบคนที่มีชื่อในรายชื่อ กับพวก “ผี” คือนักโทษที่โดนจับมาอย่างลับๆ ไม่ให้รู้ชื่อ ให้ทหารในนั้นทำเสมือนว่าไม่มีคนชื่อนี้อยู่ พยานหลายคนก็เล่าแบบนั้นพอ Manadel al-Jamadi คนนี้มาที่คุกนี้ก็อยู่ในแบบผี ในคุกนี้มีหน่วยงานของสหรัฐหลายหน่วย เช่น  F.B.I., C.I.D., C.I.A., D.I.A.  เรียกหน่วยที่ไม่ใช่ทหารอย่างรวมๆว่า O.G.A. – Other Government Agencies
X9053361-37.ttEiBWAQpStM.jpg

วันนั้นโอจีเอก็จับนักโทษคนนี้ไปที่ห้องอาบน้ำ ให้ขึงในเหมือนตรึงกาเขน แต่ไม่ได้ใช้ตะปู แต่เป็นกุญแจมือแทน ให้ห้อยอยู่อย่างนั้น มีคนหลายคนเข้าไปสอบสวนเป็นเวลานาน วันต่อมามีคนไปพบว่าชายคนนี้ตายแล้ว 

มีการปกปิดว่าคนนี้ตายโดยธรรมชาติ คือล้างเลือดออก เอาถุงน้ำแข็งถุงใหญ่มาโปะ ซาบรีน่าซึ่งเป็นทหารที่คุกนั้นบอกว่าเธอได้รู้ข่าวครั้งแรกว่านักโทษคนนี้ตายแล้ว ผู้บังคับบัญชาของเธอบอกว่าเขาหัวใจวายตาย เธอก็เลยอยากจะไปดูศพบ้าง ไปกับเพื่อนอีกคน พอเข้าไปในห้องเพื่อนก็บอกว่ามาถ่ายรูปกันเถอะ เธอก็เลยทำท่านั้นไป เพราะเห็นว่าเท่ดี ลืมนึกไปว่าคนคนนี้เคยมีชีวิตมีลูกมีเมีย 

แต่ว่าเวลาถ่ายรูปเธอก็มักจะทำท่านี้อยู่แล้วคือยิ้มและยกหัวแม่มือขึ้น ตอนอยูที่ค่ายอื่นๆในเมืองอื่นก็ทำท่านี้ เพื่อนเธอก็สลับกันถ่ายรูป แต่พอเธอออกจากห้องมา เธอนึกขึ้นได้ว่าศพนั้นไม่เหมือนกับหัวใจวายตาย เพราะมีรอยช้ำ เธอจึงกลับไปในห้องนั้นอีกครั้งกับเพื่อน แล้วถ่ายรูปศพอย่างจริงจังอีกครั้ง คือถ่ายสภาพศพแบบนิติเวช เห็นว่าใต้ตามีผ้าก๊อซติดอยู่ เลยแกะผ้าออกมีรอยช้ำ และตามตัวก็น่วมมาก เธอก็ถ่ายรูปเก็บไว้ 

เหตุผลที่เธอถ่ายรูปคืออยากเปิดเผยให้สังคมรู้ว่ามีสิ่งไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นที่คุกนี้ เธอบอกว่าขณะที่มีคนนำศพออกไป เขาเอาสายน้ำเกลือมาโยงให้ศพด้วย จะได้ดูเหมือนจะไปโรงพยาบาล ถ้าไม่ทำอย่างนี้กลัวนักโทษคนอื่นก่อหวอดได้ ต่อมามีการเผยแพร่ภาพนี้ออกมา เธอกลับเป็นคนที่สังคมประณามว่าชั่ว ที่ไปถ่ายแอ๊คชั่นกับศพอย่างนั้น ตอนแรกกองทัพจะดำเนินคดีกับเธอว่าไปยุ่งกับที่เกิดเหตุให้เสียรูปคดี แต่เธอบอกว่าก็มันยุ่งอยู่ก่อนแล้วอะ 

มีการสืบสวนคดีนี้จากหลายหน่วยงานทั้ง NCIS และอัยการสูงสุด แต่ก็เหมือนตาบอดคลำช้าง เพราะคนนู้น บอกอย่างนึง อีกคนบอกอย่างนึง ผลชันสูตรบอกว่าตายจากการ “slow deliberate application of force,” เหมือนการถูกเอาเข่ากดอกไว้นานๆ ซาบรีน่ากลัวมากว่าจะโดนเก็บหรือเปล่า เธอเขียนจดหมายไปหาแฟนที่เป็นผู้หญิงของเธอว่ารัก และกลัวว่าจะเป็นอะไรไป นักข่าวสัมภาษณ์เสร็จก็ขอรูปถ่ายอื่นๆของเธอไว้ และเอาไปปรึกษา Dr Pual Ekman ว่าเธอยิ้มด้วยความสุขหรือไม่
X9053361-40.AeMUA78v3pAq.jpg

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น